พระเทพวงศาจารย์

พระเทพวงศาจารย์

พระเทพวงศาจารย์

“ท่านเจ้าคุณเฒ่า”


อริยสงฆ์ผู้อุปถัมภ์ค้ำชูงานประเพณีแห่พระแข่งเรือฯ หลังสวน

โดย อภิศักดิ์ ธุลีวรรณ

พระเทพวงศาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดขันเงิน อดีตเจ้าคณะจังหวัดชุมพร ฉายา โกสโล นามเดิม จันทร์ ทรัพย์สกุล เป็นบุตรนายเหมือน นางนุ้ย ทรัพย์สกุล เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๗๗ (แรม ๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ ณ บ้านเลขที่ ๔ ตำบลวังตะกอ อำเภอขันเงิน จังหวัดหลังสวน (สมัยนั้นเป็นจังหวัดหลังสวนอยู่) ในวัยเยาว์ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์ขำ วฑฒโณ เจ้าอาวาสวัดประสาทนิกร อำเภอขันเงิน อุปสมบทเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๓๘ ณ วัดขั้นเงิน ตำบลวังตะกอ อำเภอขันเงิน เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี โดยมีพระครูธรรมจารี (หนู) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการขำ วฑฒโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังอุปสมบทแล้วก็ไป จำพรรษาที่วัดประสาทนิกร

  • ต่อมาในปีพศ.๒๔๔๗
    ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดขันเงิน
  • พ.ศ. ๒๔๖๒
    เป็นพระอุปัชฌาย์ แขวงหลังสวน
  • พ.ศ. ๒๔๖๗
    ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่ พระครูธรรมจารีมุนีวงศาจารย์ เจ้าคณะแขวงหลังสวน จังหวัดหลังสวน
  • พ.ศ. ๒๔๘๙
    ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระธรรมจารีมุนีวงศาจารย์ บริหารชุมพรเขตสังฆปาโมกข์และเป็นเจ้าคณะจังหวัดชุมพร
  • พ.ศ. ๒๔๙๗
    ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามเดิม
  • พ.ศ. ๒๕๐๕
    ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่พระเทพวงศาจารย์ บริหารชุมพรเขตต์ ทักษิณเกษตรธรรมธัช รัญตัญญูสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ สถิต ณ วัดขันเงิน

พระเทพวงศาจารย์ เป็นพระมหาเถระ ที่ประชาชนในจังหวัดชุมพรได้ให้ความเคารพศรัทธานับถือเป็นอย่างมาก เพราะท่านได้สร้างความเจริญให้กับคณะสงฆ์ในจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะในเรื่องการศึกษาของเยาวชน ท่านได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนประชาบาลในหลายตำบลของอำเภอหลังสวน เช่น โรงเรียนประชาบาลตำบลวังตะกอ โรงเรียนชุมชนวัดขันเงิน โรงเรียนประชาบาลตำบลท่ามะพลา โรงเรียนประชาบาลตำบลนาขา เป็นต้น

ในด้านถาวรวัตถุภายในวัด ท่านได้สร้างเสนาสนะไว้อย่างพร้อมมูล ได้สร้างอุโบสถพร้อมด้วยพระประธานแบบพระพุทธชินราชจำลองอันสง่างาม

พระเทพวงศาจารย์ มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันอังคารที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ เวลา ๑๘.๐๕ น.

อาจจะเป็นเรื่องชวนสงสัยอยู่ไม่น้อยสำหรับคนต่างถิ่น หากได้เข้าร่วมชมขบวนอัญเชิญโล่พระราชทาน และแห่เรือพระบกในตอนเช้าของวันเปิดงานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธงของชาวอำเภอหลังสวน แล้ว ได้เห็นรูปหล่อ “เจ้าคุณเฒ่า” อยู่บนรถแห่ร่วมมาในขบวน

พระเทพวงศาจารย์หรือ “เจ้าคุณเฒ่าผู้มีวาจาสิทธิ์” คือพระสงฆ์ที่รักงานแข่งเรือเหมือนชีวิต เห็นความสำคัญและคุณค่าของประเพณีท้องถิ่นเป็นอย่างมาก อีกทั้งตลอดช่วงชีวิตของท่าน ก็ได้สร้างคุณูปการ ต่องานประเพณีแห่พระแข่งเรือมากมาย อันส่งผลถึงการสืบทอดต่อเนื่องมาจนกลายเป็นงานประจำปี เป็นที่เชิด หน้าชูตาของจังหวัดชุมพรในปัจจุบัน กล่าวคือท่านเป็นผู้สนับสนุนให้วัดต่างๆในอำเภอหลังสวนสร้างเรือยาว ไว้ประจำวัด เพื่อส่งเข้าแข่งขันในงานประเพณี ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเรือยาวหลายๆลำ อย่างเช่น ให้หยิบยืมช้างสำหรับชักลากไม้ในป่ามาขุดเรือ หรือในบางปีที่ทางราชการเคยคิดที่จะไม่จัดแข่งเรือยาว “เจ้าคุณเฒ่า” ถึงกับออกปากเชิญชวนวัดต่างๆให้ร่วมจัดงานกันขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องรบกวนฝ่ายบ้านเมือง เพื่อมิให้งานประเพณีต้องละเว้นขาดหายไปจากสายน้ำ

ในช่วงท้ายๆชีวิตของท่านเจ้าคุณเฒ่า แม้จะชราภาพลงและสุขภาพก็ไม่แข็งแรงนัก แต่ความห่วงใยและ ความผูกพันกับเรือยาวของเจ้าคุณเฒ่ากลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย เช่น ณ ห้วงเวลานั้นการสร้างเรือแม่นางลำภู วัดบางลำภู ไม่อาจดำเนินไปอย่างราบรื่นเนื่องจากทางวัดขัดข้องทางด้านทุนทรัพย์ ที่จะจ้างช่างฝีมือดีมาขุดเรือให้ แล้วเสร็จ เจ้าคุณเฒ่าก็ยังเดินทางจากวัดขันเงินไปวัดบางลำภู เพื่อติดตามความคืบหน้าในการขุดเรือด้วยความ ห่วงใยอยู่ไม่ได้ขาด ที่สุดเมื่อเรือนางลำภูแล้วเสร็จสมบูรณ์ทางวัดก็จัดฝีพายพายเรือนางลำภูทวนแม่น้ำหลังสวน ขึ้นไปที่วัดขันเงินเพื่อให้เจ้าคุณเฒ่าได้ชมผลงาน ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างเส้นทางในทางน้ำ จะต้องพายเรือลอดใต้ สะพานโค้งรถไฟ ซึ่งเป็นสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำหลังสวน ที่รถไฟสายใต้ทุกขบวนต้องแล่นผ่าน และเมื่อเรือได้ไปถึงวัดขันเงินให้ท่านได้ชมแล้ว ท่านเจ้าคุณเฒ่าก็พูดกับบรรดาฝีพายว่า “พวกมึงมีของดีๆอยู่แล้ว เที่ยวเอาเรือมาพายลอดพานโค้งทำไม”

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เรือนางลำภูเป็นเรือเพียงลำเดียวในแม่น้ำหลังสวน ที่จะไม่พายลอดใต้สะพานโค้งรถไฟโดยเด็ดขาด

ซึ่งก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านได้สั่งความกับเจ้าอาวาสวัดต่างๆในอำเภอหลังสวนและคนใกล้ชิด อาทิ นายอำเภอพร้อม ชูแข นายมังกร วรวิสุทธิสารกุล ว่า “.....ให้ช่วยกันรักษาประเพณีไว้ให้ดี”

พระเทพวงศาจารย์ ได้มรณภาพนับเป็นเวลากว่า ๖๐ ปีแล้ว (พ.ศ. ๒๕๐๖) แต่ศรัทธาที่ชาวหลังสวนมีต่อ เจ้าคุณเฒ่าไม่เคยจางหายไป ทุกๆปีเมื่อวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ เวียนมาถึง ชาวหลังสวนจะร่วมกันจัดงานประเพณี แห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธงชิงโล่และถ้วยพระราชทาน ในตอนเช้าของวันเปิดงานซึ่งจัดให้มีขบวนพาเหรด รูปหล่อของเจ้าคุณเฒ่าจะถูกอัญเชิญขึ้นรถร่วมอยู่ในขบวน เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคล กับชีวิต และอีกนัยหนึ่งยังหมายถึงว่า ท่านเจ้าคุณเฒ่ายังเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของงานประเพณีตลอดไป