ทำเนียบช่างขุดเรือหลังสวน
โดย กฤษฎา บุษบรรณ
หลังสวน เป็นเมืองที่ใช้เรือเป็นพาหนะมาตั้งแต่โบราณ เกือบทุกบ้านเรือนจะต้องมีเรือไว้ใช้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายต้องพายเป็น ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้ชาวหลังสวนไม่ต้องดิ้นรน ไม่ชอบการย้านถิ่นฐาน จึงมีเวลาสำหรับการคิดค้น สร้างงาน สะสมภูมิปัญญา เป็นมรดกตกทอดมาถึงลูกหลานในยุคปัจจุบัน
การขุดเรือของช่างหลังสวนจัดเป็นศาสตร์ชั้นสูงอีกแขนงหนึ่ง ในอดีตต้องใช้ความพยายามมาก ต้องศึกษาจากการสังเกต อาศัยหลักเกณฑ์ของธรรมชาติ คิดค้นสร้างเครื่องมือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน ช่างขุดเรือในอดีตจะต้องมีพื้นฐานมาจากการเป็นช่างไม้ ฝึกการขุดเรือสั้นมาก่อน คุณสมบัติที่สำคัญของช่างขุดเรือยาว คือ มีใจรัก มีความคิดสร้างสรรค์ สังเกตจดจำ เข้าใจสัดส่วนของเรือ และนำมาประยุกต์ใช้งานได้ การทำเรือยาวไม่มีสูตรสำเร็จ ช่างคนเดียวกัน ไม้ชนิดเดียวกัน เครื่องมือขุดเรือเหมือนกัน แต่ไม่สามารถทำเรือให้เหมือนกันได้ทุกลำ ทั้งนี้ อาจจะมีองค์ประกอบปลีกย่อยอื่นๆ เข้ามาเป็นข้อกำหนด ช่างขุดเรือเก่งๆเท่านั้นจะเป็นผู้ชี้แจงและให้คำตอบได้ ช่างขุดเรือผู้ชำนาญการเคยกล่าวไว้ว่า “ ไม่มีช่างขุดเรือคนใดที่รู้จริงเกี่ยวกับเรือยาว ” แสดงให้เห็นว่า การขุดเรือยาว เป็นงานที่ยากและท้าทายเสมอ
นับแต่อดีตมา หลังสวนน่าจะมีช่างขุดเรือยาวมากที่สุดในประเทศไทย คำกล่าวนี้ไม่น่าจะเกินเลยจากความเป็นจริง เพราะขุดมายาวนาน และในปัจจุบัน มีช่างขุดเรือจากหลังสวนไปขุดเรือในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ประเทศบราซิล มีนักฟุตบอลเป็นสินค้าออก อำเภอหลังสวน ก็มีช่างขุดเรือเป็นสินค้าออกเช่นกัน ช่างบางคนมีงานทำตลอดทั้งปี บางคนต้องมีการจองคิวล่วงหน้า สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวหลังสวนและทำรายได้ให้กับช่างขุดเรือชาวหลังสวนไม่น้อยในแต่ละปี
ทำไมต้องการช่างขุดเรือหลังสวน คำตอบง่ายๆ ก็คือ ช่างหลังสวนมีความสามารถ มีเทคนิค ภูมิปัญญาในการขุดเรือ ยากที่ช่างจากท้องถิ่นอื่นจะทำได้เสมอเหมือน ตัวอย่าง ในอดีตเรือยาวใหญ่ ที่มีความยาวไม่น้อยกว่า ๑๕ วา มีโขนหัวโขนท้ายติดกับตัวเรือ เวลาจะพลิกคว่ำเรือเพื่อทำการซ่อมแซมแต่ละครั้งลำบากมาก ต้องขุดดินเป็นหลุมลึกเป็นช่องให้โขนหัวและโขนท้ายลงไปในหลุม เพื่อให้ตัวเรือวางอยู่บนคาน ต้องใช้แรงงานและค่าใช้จ่ายสูงมาก เมื่อช่างเรือจากหลังสวนได้มีโอกาสไปแสดงความสามารถให้เห็นด้วยการตัดต่อ แยกส่วนโขนหัว-โขนท้าย ออกจากตัวเรือ การพลิกคว่ำเรือเพื่อการซ่อมแซมก็กระทำได้ง่ายขึ้นเป็นที่ยอมรับทั่วไป จึงเป็นคำตอบได้ดีว่า ทำไมช่างจากหลังสวน จึงได้รับความนิยมจากต่างถิ่น
คนหลังสวนมีความเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่คนไทยยังนิยมกีฬาพายเรือยาว ช่างขุดเรือจากหลังสวน จะไม่มีวันสูญสิ้น หนทางทำมาหากินยังมีอีกมากมาย ปัจจุบันอาจจะมีช่างเรือจากภูมิภาคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ช่างเรือหลังสวนของแท้ต้นฉบับดั้งเดิมก็ยังได้รับความไว้วางใจเสมอมา
เพื่อเป็นเกียรติประวัติของช่างขุดเรือหลังสวน จึงเสนอชีวประวัติและผลงานของช่างขุดเรือทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่พอสืบค้นประวัติได้ดังนี้
๑. ช่างหมวก ช่วยเกิด
ปรมาจารย์ของช่างเรือหลังสวน
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ช่างวัน มีทิม ที่บรรดาช่างขุดเรือหลังสวนเรียกว่า “ครู” ทำการขุดเรือ ชื่อ “ สาครรัศมี ” เป็นเรือยาวเล็ก ๓๒ ฝีพาย เมื่อขุดเรือเสร็จเรียบร้อย สวยงามตามความพอใจของช่างวัน ก็นำเรือลงน้ำเพื่อทดลองความเร็ว แต่กลับสร้างความผิดหวังให้กับทุกคนที่มานั่งชม ช่างวันจึงพยายามแก้ไขหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ไม่สำเร็จ จึงไปขอความช่วยเหลือจากช่างหมวก ขณะนั้น ช่างหมวก อายุมากแล้วเดินแทบไม่ไหว เมื่อช่างหมวก มาถึงท่านนั่งดูที่หัวเรือแล้วท่านก็ขอขวานจากช่างวัน จากนั้นใช้ขวานฟันลงที่ตำแหน่งคอเรือจนเป็นที่พอใจ ท่านหยุดพักพอหายเหนื่อย ก็บอกช่างวันว่า “ไสกบ ให้หมด รอยขวานก็ใช้ได้” ช่างหมวกกลับไปแล้ว ช่างวันแทบร้องไห้แต่ก็ต้องทำ เมื่อเรือเสร็จสมบูรณ์อีกครั้ง นำเรือลงน้ำ ทุกคนต้องตะลึง เรือสาครรัศมี ทำความเร็วได้สูสีเท่าเทียมกับเรือนางลำภู ซึ่งเป็นเรือแชมป์โล่พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช หลายสมัยในเวลานั้น
จากเหตุการณ์ที่กล่าวมา บ่งบอกให้ทราบถึงความสามารถของช่างหมวกว่าเป็นปรมาจารย์เรือยาวอย่างแท้จริง
ช่างหมวก ชื่อ นายหมวก ช่วยเกิด เกิดที่บ้านปากช่อง หมู่ที่ ๕ ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร บิดาชื่อ นายศักดิ์ ช่วยเกิด เป็นคนจังหวัดพัทลุง มารดา ชื่อ นางแพง ท่านมีภรรยาหลายคน ชื่อ นางเคลือบ , นางแสง , นางเจิน , และนางเล็ก มีบุตร ๓ คน ชื่อ เขียม , ขิน , และส่วน บุตรทั้งสามคนเสียชีวิตหมดแล้ว
ชีวิตการทำเรือของช่างหมวก เริ่มต้นจากการขุดเรือสั้นเป็นอาชีพ ท่านขุดเรือขายเป็นจำนวนมาก เพราะหลังสวนสมัยนั้นต้องใช้เรือเป็นพาหนะสำคัญ ท่านบวชเรียนที่วัดบางลำภู ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เป็นศิษย์หลวงพ่อแดง เกสโร จอมขมังเวทย์ควายธนู และขุดเรือยาวลำแรกกับหลวงพ่อแดง คือ เรือหัวจระเข้ ต่อจากนั้นก็ขุดเรือยาวอีกหลายลำ เช่น เรือนำสมุทรวัดดอนยาง เรือม้าย่องวัดบางลำภู เป็นต้น สำหรับเรือยาวลำสุดท้ายของช่างหมวก คือ เรือนางลำภู ซึ่งท่านเป็นผู้ควมคุมการขุด มีช่างเจิม ช่วยเกิด และช่างวัน มีทิม เป็นลูกมือ เรือลำนี้เป็นที่ยอมรับของคนในวงการเรือยาว และถือเป็นสุดยอดผลงานของช่างหมวก ช่วยเกิด เสียชีวิตด้วยวัย ๘๖ ปี แต่ความสามารถเป็นที่ยอมรับจนเป็นตำนานในกลุ่มช่างขุดเรือยาวหลังสวนตลอดมา
๒. ช่างวัน มีทิม
ครูเรือแห่งลุ่มน้ำหลังสวน
ช่างวัน มีทิม เป็นผู้บุกเบิก ให้ช่างเรือหลังสวนเป็นที่รู้จักของคนในวงการเรือยาวทั่วประเทศไทย ท่านเป็นคนแรกที่ไปขุดเรือยาวในภูมิภาคต่างๆ ช่างวันเป็นศิษย์เอกของ ช่างหมวก ช่วยเกิด เริ่มต้นจากการทำงานช่างไม้ สร้างบ้านเรือนทั่วไป เมื่อบวชเณรทวัดบางลำภู ได้ฝึกหัดการขุดเรือสั้น พัฒนาฝีมือช่าง และเข้าสู่วงการขุดเรือยาวจนเป็นที่ยอมรับทั่วประเทศไทย ความภูมิใจสูงสุดในชีวิตของช่างวัน มีทิม เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายชัด รัตนราช (ซึ่งเป็นชาวอำเภอหลังสวน) ในขณะนั้น ได้ว่าจ้างช่างวันให้ไปขุดเรือที่นราธิวาสและได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ อันเป็นเป็นเกียรติยศอย่างหาที่สุดมิได้กับตระกูลมีทิม
ช่างวัน เป็นช่างขุดเรือยาวของหลังสวนที่ได้รับเกียรติสูงสุด เป็นตัวอย่างแก่ช่างเรือรุ่นหลัง
ช่างวัน มีทิม เป็นบุตรของนายศรี มีทิม และนางกลับ มีทิม เป็นคนในหมู่บ้านบางลำภู หมู่ที่ ๙ ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร การศึกษา จบชั้น ป. ๔ จากโรงเรียนวัดวิเวการาม ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
ชีวิตครอบครัว สมรสกับนางลิบ มีบุตร ๒ คน ชื่อ นายรวย มีทิม และนางละเอียด เสือช่อ ต่อมาสมรสกับนางขยาย มีทิม มีบุตรธิดา ๙ คน
เรือยาวลำแรกที่เป็นผลงานของท่านคือ เรือไชยณรงค์ วัดบางลำภู ปัจจุบันอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นเรือที่สร้างชื่อเสียงของช่างวัน และเป็นเรือที่ท่านภูมิใจมากที่สุด ซึ่งได้ร่วมงานกับอาจารย์ของท่าน หลังจากประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับในวงการเรือยาว ท่านมีงานต่อเนื่องทั้งในหลังสวนและต่างจังหวัดทั่วประเทศ ด้านการขุดเรือ ซ่อมแซมเรือ แทบจะไม่มีเวลาว่าง
เรือยาวที่เป็นผลงานในหลังสวน เช่น เรือนางลำภู เรือบ้านด่าน เรือเทพประกาศิต เรือนางมัจฉา เรือสิงห์สำราญ เรือนางตะเคียน เรือเทพทักษิณ เรือเทพประสาทพร เรือไข่ทอง ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเกือบทุกลำล้วนเป็นเรือที่เคยครองแชมป์สนามเรือยาวหลังสวนทั้งสิ้น
ช่างวัน เป็นคนมีนิสัย สุขุม เยือกเย็น รอบคอบ ตั้งใจทำงานจริงจัง ท่านมักนั่งดูเรือที่ต้องขุดหรือต้องการจะซ่อมแซมเป็นเวลานาน เมื่อมั่นใจว่าไม่ผิดพลาดจึงจะลงมือทำ ช่างเรือหลังสวนในปัจจุบันนี้ หลายคนที่เคยร่วมงานและได้รับการถ่ายทอดวิชา เช่น ช่างเหื้อง ช่วยเกิด ช่างเทียบ สงลออ ช่างประกอบ ขำจิต ช่างเชาว์ บุญมี ช่างศุภรัตน์ ตติยานนท์ เป็นต้น
ในชีวิตของช่างวัน ขุดเรือ ซ่อมเรือไม่น้อยกว่า ๘๐ ลำ เรือสุดท้ายที่ท่านขุดก็คือ เรือศรีพนาวัน ของนายจำลอง พ่วงสกุล ที่จังหวัดสมุทรปราการ ท่านเสียชีวิตด้วยวัย ๘๗ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ เหลือไว้เพียงงานฝีมือของท่านที่เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและระลึกถึง
๓. ช่างปัญญา สิทธิหีต
จอมยุทธหน้าหยก
ในยุทธจักรช่างขุดเรือยาวในประเทศไทย ยุคปัจจุบันช่างปัญญาหรือที่ชาวหลังสวนเรียกว่า ช่างไข่ ฝีมือไร้เทียมทานอยู่ในระดับแนวหน้าด้วยวัยเพียง ๔๐ ต้นๆ ขุดเรือยาวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๗๐ ลำ นับว่าประสบความสำเร็จในวิชาชีพการขุดเรือยาว ไม่ต้องผ่านสถาบัน มหาวิทยาลัยแต่อย่างใด ความสามารถบวกประสบการณ์และความตั้งใจในการทำงาน ประกอบกับเป็นคนมีนิสัยช่างสังเกตุ รู้จักการแก้ไขภาพสถานการณ์ ทำให้ช่างปัญญาประสบความสำเร็จอย่างสูง มีชื่อเสียงโด่งดังในภาคอีสาน เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในวงการเรือยาว และโด่งดังข้ามฝั่งโขง มีผลงานขุดเรือยาวในประเทศลาวอีกหลายลำ ชาวหลังสวนขอปรบมือให้กับท่านที่สร้างชื่อเสียงให้กับช่างขุดเรือยาวหลังสวน
ช่างปัญญา เกิดเมื่อเดือน มิถุนายน พศ. ๒๔๙๘ บิดาชื่อ นายชอบ สิทธิหีต (บวชเป็นพระที่วัดบ่อโค อ.หลังสวน จ.ชุมพร) รู้จักในนามหลวงพ่อชบ มารดา นางแปลก สิทธิหีต
เกิดที่บ้านปากช่อง ต.แหลมทราย อ.หลังสวน จ.ชุมพร จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดนพคุณ สมรสเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ภรรยาชื่อ นางระเบียบ สิทธิหีต มีบุตร ๒ คน
แรงจูงใจที่ทำให้ช่างปัญญา ยึดถืออาชีพเป็นช่างเรือก็เพราะมีจิตใจรัก มีความปรารถนาอย่างแรง กล้าที่จะเป็นช่างขุดเรือยาวและหลวงพ่อชบ ผู้เป็นบิดาให้การสนับสนุน เนื่องจากหลวงพ่อชบเมื่อตอนเป็นฆราวาสก็มีความสามารถในเชิงช่างเรือไม่น้อยเช่นกัน ช่างปัญญายกย่องเชิดชูหลวงพ่อชบผู้เป็นบิดาเป็นครูเรือคนแรก และชีวิตเริ่มหันเหมาเป็นช่างเรือ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ด้วยวัยเพียง ๒๘ ปี จัดว่าเป็นช่างเรือที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้น จึงต้องหาผู้ร่วมงานที่มีอายุมากๆ เพื่อให้เกิดศรัทธาแก่ผู้พบเห็นจึงร่วมมือกับนายโฉม ปลัดใหญ่ ขุดเรือลำแรกชื่อ เพชรปรีชา ที่วัดรางวาลย์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จากนั้นช่างปัญญาก็มีงานทำต่อเนื่องเดินทางไปขุดเรือในภาคกลาง ภาคใต้ อีสานเหนือ อีสานใต้ กระทั่งในประเทศลาว ชื่อเรือที่เป็นผลงานของช่างปัญญา เช่น เรือศรีพรเทพ จังหวัดบุรีรัมย์ เรือขุนทัพ จังหวัดอุบลราชธานี เรือแม่ลูกอินทร เรือเทพนครชัย จังหวัดราชบุรี ฯลฯ นอกจากการขุดเรือก็ยังมีการปรับซ่อมเรือตามแต่จะว่าจ้าง ผลงานที่ภาคภูมิใจของช่างปัญญา เช่น เรือศรีพรเทพ ซึ่งเป็นฝีมือของช่างปัญญา ได้แชมป์ประเทศไทยปี ๒๕๓๕ สำหรับที่อำเภอหลังสวน ผลงานของช่างปัญญามีเพียง เรือเพชรชุมพร, เรือเทพธงชัย เท่านั้น
ช่างปัญญาให้ความคิดเกี่ยวกับเรือยาวสกุลช่างหลังสวน ว่าเรือหลังสวนรูปร่างสวยงาม เป็นเทคนิคสกุลช่างขั้นสูง ทำเรือตามแขนงช่างหลังสวนจะประสบความสำเร็จมาก และฝากถึงช่างเรือทุกคนให้รักษาเอกลักษณ์ของช่างหลังสวนให้สืบทอดถึงลูกหลาน อย่าทำลายกันเอง สำหรับตัวช่างปัญญาคิดจะส่งเสริม ถ่ายทอดวิชาช่างเรือให้กับคนรุ่นหลัง ที่มีใจรักทางช่างเรืออย่างจริงจัง
ช่างปัญญา สิทธิหีต ฉายา จอมยุทธหน้าหยกในยุทธจักรช่างเรือยาว เวลาผ่านเลยไปหลายสิบปี ปัจจุบันช่างไข่ก็ยังอยู่ในยุทธจักรช่างเรือยาวที่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและจากต่างแดน
๔. ช่างบุญเลิศ จินาจิ้น
เดี่ยวหมื่นลี้
เดี่ยวหมื่นลี้ คือฉายาของช่างบุญเลิศ จินาจิ้น หรือช่างเลิศ ช่างขุดเรือยาวที่ชาวหลังสวนรู้จักการขุดเรือยาวของท่านผู้นี้ จะเป็นการขุดเรือยาวในต่างเมืองเป็นส่วนใหญ่ และการเดินทางของช่างเลิศเป็นแบบฉายเดี่ยว คือไปคนเดียว ไม่มีคนติดตาม ลูกมือไปหาเอาข้างหน้า บางครั้งถ้าเป็นงานด่วน ช่างเลิศก็จะบินไปให้ทันเวลาตามที่ต้องการ สถานที่ทำงานส่วนใหญ่ของช่างเลิศอยู่ทางภาคเหนือ เช่น น่าน สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก บางครั้งก็ไปทางภาคอีสาน ช่างเลิศได้รับความนิยมชมชอบ จากผู้ว่าจ้างให้ขุดเรือในภาคเหนือเป็นอย่างมาก แต่ละปี ช่างเลิศต้องขุดเรือใหม่ ซ่อมเรือเก่าแถบจังหวัดน่าน สุโขทัย หลายลำ ด้วยลีลาคำพูดคำจาที่ตลกสนุกสนาน ทำงานละเอียด มีความสามารถในเชิงช่างเรือยาวเป็นเลิศสมชื่อ ช่างเลิศจึงโด่งดังในต่างแดนสมกับฉายาที่ได้รับ และเป็นช่างที่แปลกมาก เพราะผลงานการขุดเรือยาวเดี่ยวๆ ในอำเภอหลังสวน และในภาคใต้ของช่างบุญเลิศ จินาจิ้นไม่มีเลย
ช่างเลิศ เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๗๘ ที่บ้านเลขที่ ๓ หมู่ ๑ ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร การศึกษาจบชั้น ม.๖ และนักธรรมเอก ธรรมสนามหลวง สมรสเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ภรรยาชื่อ บางประทุม มีบุตรชาย ๒ คน บุตรสาว ๒ คน แรงจูงใจที่ทำให้เป็นช่างเรือยาว เพราะเมื่อช่างเลิศบวชเป็นพระวัดแหลมทราย หลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสได้มอบหมายหน้าที่ให้ดูแลเรือยาว ต้องทำการซ่อมเรือบ่อยๆ และได้มีโอกาสเข้าป่าบกไฟ เพื่อตัดไม้โกลนเรือเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นจุดเริ่มต้น ทำให้ชีวิตช่างเลิศมีความรัก ความผูกพัน กับการทำเรือยาว ครูเรือคนแรกของช่างเลิศ คือ ช่างหมวก ช่วยเกิด โดยได้ร่วมขุดเรือเดชสมิง วัดแหลมทราย ที่ป่าบกไฟ ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ถึงปัจจุบันนี้ ช่างเลิศขุดเรือมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ลำ เรือยาวที่เป็นผลงานของช่างเลิศ เช่น เรือเทพไพฑูรย์ จังหวัด พิษณุโลก สิงห์บรรดาศักดิ์ จังหวัดน่าน เรือมาลัยทอง จังหวัดพิจิตร ฯลฯ เรือที่ภาคภูมิใจที่สุดของช่างเลิศ คือ เรือเทพสร้อยทอง รางวัลเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจ คือ เรือลำที่ทำมากับมือได้ชัยชนะและมีเหรียญรางวัล ถ้วยรางวัล นายช่างเรือก็มีความภาคภูมิใจ ในขณะที่ให้การสัมภาษณ์ ช่างเลิศ ได้ทำเรือศรีสุวรรณที่จังหวัดสุโขทัย ของผู้ใหญ่นาค เกษมสำราญ หมู่ที่ ๕ ต.ปากแคว อ.เมือง จ.สุโขทัย จัดเป็นเรือลำล่าสุดของช่างเลิศความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อสกุลช่างหลังสวน ท่านให้ข้อคิดไว้ว่าเป็นเรือที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากถิ่นอื่น จัดว่าสวยที่สุดของบรรดาเรือยาว
คติในการทำงานของช่างเลิศ
- ๑. ต้องทำให้เสร็จ ไม่ทิ้งงาน
- ๒. ทำให้ดีที่สุด
- ๓. รักษาเอกลักษณ์ของเรือหลังสวน
สำหรับความคิดที่จะสืบสานวิชาการขุดเรือ ท่านพยายามฝึกลูกน้องให้ทำเรือเป็น แต่ปัญหาก็คือ ลูกน้องที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากท่านยังขาดความศรัทธาจากนายจ้างเจ้าของเรือ ท่านให้ความคิดว่า เรือแต่ละลำไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับเทคนิคของช่างเรือ
แต่จากความสำเร็จในอดีต คือปัจจุบันของช่างเลิศ เราต้องยอมรับว่าทุกอย่างได้มาด้วยความรู้ความสามารถสร้างชื่อเสียงในแดนไกล สมฉายาฉายเดี่ยวหมื่นลี้
วันเวลาที่ไม่เคยหยุดมันทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์เสมอปัจจุบัน ช่างเลิศ จินาจิ้นเสียชีวิตด้วยความชรา แต่ความภูมิใจของท่านเหรียญรางวัล แชมป์ประเทศไทย ซึ่งท่านนำติดตัวจนถึงวันเสียชีวิต
๕. ช่างเทียบ สงละออ
“จอมยุทธไร้เกือก”
เจ้าแห่งป่าดงพงไพร ไม้ทำเรืออยู่ที่ไหน ในป่าพื้นที่อำเภอพะโต๊ะ อำเภอหลังสวน หรืออำเภอใกล้เคียง อยากรู้ให้ถามช่างเทียบ ท่านเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการเดินป่าเป็นเยี่ยม คุณสมบัติพิเศษของช่างเทียมก็คือ มีความแข็งแรงเป็นเลิศพิเศษสุด จนเป็นที่เล่าลือก็คือ ไม่ชอบใส่รองเท้า ไม่ว่าจะเข้าเมืองหรือเข้าป่า ไม่มีหนามชนิดใดที่จะตำเท้าของช่างเทียมได้เลย จนได้ฉายา “จอมยุทธไร้เกือก” แต่ถ้ากล่าวถึงเรื่องการทำเรือของช่างเทียบ ท่านมีประสบการณ์และผลงานมากมาย เรือสั้นขุดมานับ ๑๐๐ ลำ ส่วนเรือยาว ท่านเคยร่วมงานกับช่างดังๆในอดีตหลายคน เคยเดินทางไปทำเรือมาทุกภาคของประเทศไทย
ช่างเทียบ เป็นคนช่างสังเกตุ จดจำ ยอมรับผลงานของผู้อื่นเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงผลงานตัวเอง ท่านเป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนาน มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเยี่ยม
ช่างเทียบ สงละออ เริ่มต้นขุดเรือมาตั้งแต่อายุ ๓๐ กว่าปี เริ่มจากขุด เรือที่นราธิวาส พิจิตร พิษณุโลก น่าน อุบลราชธานี นครปฐม ราชบุรี ไปขุดเรือกับลูกน้อง ที่ขุดเรือ เพราะชอบ ส่วนความรู้เรื่องการขุดเรือได้มาจากการเริ่มจากการไปยืนดูตาหมวกขุดเรือนางลําภู หรือตาเจิมขุดเรือ ก็ไปยืนดูทุกวัน และก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ หลังจากนั้นลุงวัน (วัน มีทิม) เห็นก็เลย ชวนไปช่วยขุดเรือที่นราธิวาส พิษณุโลก พิจิตร ตอนหลังก็เริ่มมาขุดเรือเอง
ปัจจุบันเรือ ๓๒ ฝีพาย ที่ช่างเทียบร่วมมือกับช่างสมนึก ฤทธิมั่นคง ขุดเอาไว้ถือเป็นสุดยอดของเรือยาวเล็กในประเทศไทย ฝีมือและผลงานเป็นที่ยอมรับมีงานมาโดยตลอดต่อเนื่อง นี่คือประกาศนียบัตรที่บอกได้ถึงคุณภาพของผลงาน
ช่างเทียบ สงละออ เป็นบุตรของนายทอด และนางจันทร์ สงละออ เกิดที่ บ้านบางลำภู หมู่ ๗ ต.แหลมทราย อ.หลังสวน จ.ชุมพร การศึกษาจบ ป. ๔ โรงเรียนวัดบางลำภู ภรรยาชื่อ นางเป สงละออ มีบุตร ๓ คน ธิดา ๔ คน ครูเรือคนแรกของช่างเทียม คือ ช่างเอี้ยน พรหมขจร เรือลำแรกที่ขุดคือ เรือจำปาทอง เป็นเรือ ๓๒ ฝีพาย เรือลำนี้ขุดที่วัดต้นกุล อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ปัจจุบันไปเป็นของผู้ใหญ่แฉล้มที่จังหวัดพิจิตร ช่างเทียบขุดเรือยาวมาประมาณ ๓๐ ลำ ผลงานของช่างเทียบ เช่น เรือชัยเชษฐ์ เรือเทพอุทัย เรือเจ้าแม่หลังสวน ฯลฯ สำหรับการปรับซ่อมเรือช่างเทียบซ่อมมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรือยาวเล็ก ยาวกลาง ยาวใหญ่ ถามถึงผลงานที่พึงพอใจ ท่านก็บอกว่า ยังไม่ถึงที่สุด แต่ในชีวิตการทำเรือที่ผ่านมาเคยได้รับพระราชทานเสื้อรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่จังหวัดนราธิวาส โดยผู้ว่าฯชัด รัตนราช เป็นผู้รับพระราชทานและนำมามอบให้ท่านกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า ไม่มีเรือที่ไหนสู้เรือหลังสวนได้เลย
สำหรับคติในการทำงานของท่าน คือทำด้วยความตั้งใจและให้สุดความสามารถ ช่างเทียบได้วางมือจากการขุดเรือไปเมื่อวัย ๗๕ ปี
๖. ช่างจำเนียร ตังสุหน
เกิดเมื่อวันพุธ เดือนมิถุนายน ปี ๒๔๗๙ บิดา นายกลิ่น มารดา นางนุ้ย เกิดที่บ้านหลังอำเภอ การศึกษาจบ ป.๔ สมรสเมื่ออายุ ๑๙ ปีกับนางส้อง แต่ภรรยาคนล่าสุดคือ นางสุดใจ มีบุตร ๒ คน ธิดา ๔ คน
ด้วยใจรักชีวิตจึงหักเหมาเป็นช่างเรือ เริ่มขุดเรือครั้งแรกที่วัดด่านประชากร คือ เรือรัตนสิงห์ มีช่างเอื้อนเป็นครูเรือคนแรก ด้วยความสามารถของช่างเนียรทำให้ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ได้เดินทางไปขุดเรือ ซ่อมเรือในภาคอิสาน ภาคเหนือมากมาย เรือที่เป็นผลงานของช่างเนียร เช่น เรือขุนปราบ จ.ปทุมธานี เรือขุนหมื่น จ.มุกดาหาร เรือสมิงสาว ของ สส.พรเทพ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เคยเดินทางไปขุดเรือที่สปป.ลาว ๒ ลำ เป็นเรือ ๕๕ ฝีพายลำหนึ่งชื่อบังคำ พายในแม่น้ำโขง
แปลกแต่จริงช่างจำเนียรมีชื่อเสียงในต่างแดนมีผลงานเป็นที่ยอมรับ แต่ในหลังสวนน้อยคนนักที่จะรู้จักช่างจำเนียร ท่านไม่มีผลงานการทำเรือในหลังสวนเลย อย่างไรก็ตามท่านให้ข้อคิดว่าช่างเรือหลังสวนฝีมือการทำเรือดีกว่าช่างในท้องถิ่นอื่นๆ เรื่องการถ่ายทอดวิชาขุดเรือ ท่านบอกว่ายากมาก การทำเรือขึ้นอยู่กับแนวความคิดและเทคนิคของแต่ละคน ไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน ท่านเคยมีลูกศิษย์หลายคน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ช่างเนียร จัดเป็นช่างฝีมือที่สร้างชื่อเสียงให้กับช่างเรือหลังสวนในต่างแดนอย่างแท้จริง
๗. ช่างสุวรรณ ฤทธิโสม (ช่างดำ)
บรมครูช่างขุดเรือที่ยังมีลมหายใจ
ปัจจุบันอายุ ๘๙ ปี เกิดเมื่อปีกุน พ.ศ. ๒๔๗๘ ที่บ้านหนองหลวง ต.พ้อแดง อ.หลังสวน จ.ชุมพร บิดาชื่อ นายเพิ่ม ฤทธิโสม มารดา นางชิต ฤทธิโสม การศึกษา ป. ๔ ที่โรงเรียนบ้านหนองหลวง ต.พ้อแดง ซึ่งเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน ต่อมาบวชเป็นสามเณรที่วัดบางกา (วัดคงคาราม) อ.หลังสวน จ.ชุมพร ชีวิตในวัยหนุ่มหลังจากลาสิกขาก็เหมือนกับคนหนุ่มทั่วๆไป คือ ท่องเที่ยวสนุกสนาน ช่างดำมีภรรยาหลายคน เมื่ออยู่กินกับนางเจริญศรี ท่านได้ฝีกหัดเล่นหนังตะลุง ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงของภาคใต้ เดินทางไปแสดงในสถานที่ต่างๆ มีชื่อเสียงพอสมควรในนามของ “หนังดำรงศิลป์” แต่คนทั่วไปเรียก หนังดำ
ต่อมาแต่งงานอยู่กินกับนางมะลิ ฤทธิโสม เมื่ออายุ ๔๕ ปี มีบุตรชาย ๒ คน คือ นายสมควร ฤทธิโสม และนายเด่นชัย ฤทธิโสม เรือลำแรกที่ขุดคือ เรือนิลวรรณ วัดบางกา (คงคาราม) อ.หลังสวน จ.ชุมพร จากนั้นช่างดำก็ขุดเรือเป็นอาชีพเรื่อยมาก ช่างดำมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยอมรับของชาวเรือยาวทั่วไป เมื่อขุดเรือเจ้าแม่ตาปี วัดกลางใหม่ จังหวัดสุราษฎ์ธานี และเดินทางขุดเรือซ่อมเรือทั่วทุกภาคของประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 300 ลำ
ช่างดำ ยกย่องนายหมวก ช่วยเกิด เป็นครูเรือยาวคนแรก ท่านใช้ชีวิตการขุดเรือส่วนใหญ่อยู่ที่ภาค อีสาน ตั้งแต่สระบุรี สกลนคร หนองคาย อุบลราชธานี และข้ามโขงไปขุดในประเทศลาว หลายสิบปีที่ผ่านมากับชีวิตรับจ้างทำเรือ ทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในภาคอีสาน จุดเด่นการทำเรือของช่างดำ คือ รับทำในราคาไม่สูงนัก ลูกมือนำจากหลังสวน และกำลังฝึกลูกชายทั้ง ๒ คนให้เป็น “ผู้สืบทอดวิชาช่างเรือต่อไป” สำหรับชีวิตการทำเรือท่านบอกว่า ถ้ามีแรงยกขวานจะทำเรือต่อไป แต่ตอนนี้สุขภาพไม่ดีเท่าที่ควร
นางมะลิ ฤทธิโสม ให้ข้อมูล เมื่อหลายปีที่ผ่านมา กับรายการ “คนค้นคน” ของสิทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ จากค่ายทีวี บูรพา ได้นำเสนอออกอากาศ ชีวิตของช่างดำ ทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศไทย กล่าวได้ว่า ช่างดำ มีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาช่างขุดเรือจากลุ่มน้ำหลังสวน ในวงการเรือยาวไม่มีใครที่ไม่รู้จักช่างดำ
ปัจจุบันช่างดำอายุแม้จะอายุมากแต่ก็ยังทำงานที่ตนเองรัก ร่วมกับช่างเด่นลูกชายที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาช่างขุดเรือโดยหวังว่าลูกชายคนนี้จะเป็นช่างขุดเรือผู้เก่งกาจในอนาคต
ผลงานการขุดเรือ เช่น เรือเทพนรสิงห์ จ.สระบุรี เรือขุนสยามแดนทอง จ.น่าน เรือเจ้าแม่สายฟ้า จ.น่าน เรือเจ้าแม่ตาปี จ.สุราษฎร์ธานี เรือพรพระเทพ จ.พิษณุโลก นางสาวเพชรคำไหล จ.ร้อยเอ็ด
๘. ช่างสมนึก ฤทธิมั่นคง
อายุ ๖๐ ปี ปัจจุบันทำเรือคู่กับช่างเทียม สงละออ ความสามารถยอดเยี่ยมในเชิงช่างไม้ ต่อไม้ เข้าไม้ ได้สุดยอด ในอดีตทำเรือประมงได้รับความนิยมมาก เมื่อหันเหมาเป็นช่างเรือยาวก็ทำได้ดี มีงานตลอด เหนือสิ่งอื่นใดในสภาวะที่ไม้ขนาดใหญ่เริ่มขาดแคลน ช่างนึกรับต่อเรือจาก ๓๐ ฝีพายให้เป็นเรือ ๔๐ ฝีพาย จากเรือ ๔๐ ฝีพาย เป็นเรือยาวใหญ่ ๕๐ ฝีพาย ได้รับความนิยมมากในขณะนี้ นับว่าเป็นช่างหลังสวนที่หูตากว้างไกลอีกคนหนึ่ง
๙. ช่างประสิทธิ์ ศักดิ์ทอง
ศิษย์ของช่างดำ ฤทธิโสม ความสามารถไม่ธรรมดา เคยร่วมงานกับช่างดำขุดเจ้าแม่ธารทิพย์เรือดังภาคใต้ และขุดเรือชัยเทพ เทพจักรี ฯลฯ มีผลงานมากพอสมควร เดินทางขุดทั้งภาคเหนือ อิสาน กลาง ใต้ ปัจจุบันรับจ้างขุดทั่วไป เป็นช่างอิสระ
๑๐. ช่างประกอบ ขำจิตร
อายุ ๕๐ ปี เป็นศิษย์ของช่างบุญ พัฒนสม เคยร่วมงานกับช่างดังๆ เช่น ช่างวัน มีทิม ทำเรือมาไม่น้อยกว่า ๑๐ ลำ ปัจจุบันรับซ่อมเรือทำเรือทั่วไป ติดต่อได้ที่บ้านด่าน ต.แหลมทราย อ.หลังสวน จ.ชุมพร
๑๑. ช่างชอบ ทองรอด
ปัจจุบันอายุ ๗๒ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๖ หมู่ ๕ ต.พ้อแดง อ.หลังสวน เนื่องจากมีปู่และพ่อเป็นช่างขุดเรือ จึงมีความรู้สึกรักการขุดเรือเหมือนบรรพบุรุษ ขุดเรือครั้งแรกกับช่างบุญ พัฒนสม จนถึงปัจจุบันขุดเรือมาแล้ว ๒๓ ลำ ส่วนใหญ่เป็นการร่วมมือกับช่างอื่นๆ เป็นช่างเรือที่มีเทคนิคและหลักการเป็นที่ยอมรับของช่างทั่วไป ด้วยความรักในอาชีพนี้ แม้นวัยจะล่วงเลยมาแล้ว แต่ก็ยังมีความพร้อมถ้ามีงานให้ทำ
๑๒. ช่างเหื้อง ช่วยเกิด
ปัจจุบันอายุ ๖๕ ปี บ้านเลขที่ ๓๗ หมู่ที่ ๒ แหลมทราย หลังสวน ชุมพร ทายาท “ช่วยเกิด” หลานปรมาจารย์เรือหลังสวน “หมวก ช่วยเกิด” ครูเรือของช่างเหื้อง คือ ช่างวัน มีทิม ช่างเหื้อง ทำเรือมาทั่วทุกภาค จุดเด่นของฝีมือก็คือ ความสวยงาม ความละเอียดลออของงาน เรือฝีมือช่างเหื้องทุกคนยอมรับในความสวย ท่านขุดเรือมาไม่น้อยกว่า ๑๐ ลำ ส่วนใหญ่จะทำงานปรับซ่อมมากกว่า ช่างเหื้องพร้อมเสมอที่จะทำงานขุดเรือและปรับซ่อมในทุกสถานที่
๑๓. ช่างเชาว์ บุญมี
อายุ ๖๐ ปี อดีตเป็นช่างไม้ฝีมือดี ด้วยใจรักจึงฝึกหัดเป็นช่างเรือ เป็นศิษย์ของช่างวัน มีทิม ประสบการณ์เคยร่วมงานกับช่างวัน มานานพอสมควร มีผลงานมาแล้ว ๗ ลำ เป็นช่างเรือในท้องถิ่นที่มีฝีมือพอตัว ไม่ว่าจะปรับซ่อมหรือขุดเรือใหม่ ปัจจุบันพักอยู่บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ ๑๐ ต.แหลมทราย อ.หลังสวน จ.ชุมพร
๑๔. ช่างวิเชียร จิ้วปัญญา
อายุ ๗๐ ปี จัดเป็นช่างเรือในท้องถิ่นที่สำคัญอีกคนหนึ่ง ประสบการณ์ขุดเรือสั้น เรือยาวมามากมายพอสมควร เคยเดินทางไปขุดเรือในต่างแดน เริ่มต้นจากขอยืมเรือเพื่อพายได้รับการปฏิเสธกลายมาเป็นความมานะ หักเหชีวิตเป็นช่างเรือสำเร็จ ครูเรือคนแรกคือ ช่างพร้อย ขาวสุวรรณ ผลงานการขุดเรือมีประมาณ ๑๐ ลำ แม้นวัยจะสูงแต่ความพยายามในการทำงานไม่ได้ลดต่ำเลย พร้อมที่จะสร้างงานเสมอ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ ๒๐ หมู่ ๑๖ ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
๑๕. ช่างศุภรัตน์ ตติยานนท์
ปัจจุบันอายุ ๔๖ ปี การศึกษาจบปวช.ช่างก่อสร้าง อินทราชัย มีความคิดว่าเรือคือของเล่น ท้าทาย และต้องทำได้ ช่างศุภรัตน์หรือที่วงการเรือยาวหลังสวน เรียกว่า ผู้ใหญ่ลี เริ่มขุดเรือยาวครั้งแรก เมื่อ ๒๕๒๕ กับครูเรือคนแรก คือ ช่างวัน มีทิม ที่วัดบางลำพู เป็นเรือของผู้ว่าราชการ ชัด รัตนราช จากนั้นก็ได้ไปขุดเรือที่พิษณุโลก พิจิตร ผู้ใหญ่ลีขุดเรือมาแล้ว ๑๑ ลำ ลักษณะพิเศษของผู้ใหญ่ลีก็คือ กล้าทำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยเหตุที่ผู้ใหญ่ลี มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๗ ต.แหลมทราย โอกาสที่จะรับงานขุดเรือหรือไปทำเรือในต่างแดนจึงทำไม่ได้ แต่ด้วยความสามารถของผู้ใหญ่ลี ช่างศุภรัตน์ อยู่บ้านเลขที่ ๑๘ หมู่ ๗ บ้านบางลำภู ต.แหลมทราย หลังสวน จ.ชุมพร
นอกจากช่างเรือที่ได้กล่าวมาแล้ว พื้นที่อำเภอหลังสวน และอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร มีช่างเรือที่ขุดเรือ ซ่อมเรือ รุ่นใหม่ๆ ในท้องถิ่นอีกหลายคนที่กำลังพัฒนาฝีมือ สร้างผลงาน สร้างชื่อเสียง ทั้งจากเรือสั้น เรือยาว ขนาด ๘ ฝีพาย ๑๖ ฝีพาย ๒๐ ฝีพาย และเรือ ๓๒ ฝีพาย