ขึ้นโขน-ชิงธง
ภูมิปัญญาชาวบ้านลุ่มน้ำหลังสวน-ยุติธรรมไร้กังขา
โดย กฤษฎา บุษบรรณ
โขน
คือ ส่วนปลายสุดของหัวเรือที่ต่อออกมาจากตัวลำเรือ จะมีความยาวประมาณ ๓ เมตร ทำจากไม้
ที่มีน้ำหนักเบาเนื้อไม้เหนียว ทนทาน มีอายุการใช้งานนานหลายปี เช่น ไม้เนียง ไม้กระท้อน
ธง
หมายถึง แถบผ้าสีแดงที่ผูกไว้กับปลายเส้นหวาย ๒ ข้าง แบ่งเส้นหวายออกเป็นสองท่อน สอด
ไว้ในกระบอกธง และต่อตรงกลางด้วยเส้นด้าย สามารถขาดจากกันได้ เมื่อนายหัวเรือทั้ง ๒ ลำ
กระชากดึงพร้อมกัน
ขึ้นโขน
คือ การที่นายหัวเรือต้องปีนขึ้นไปบนโขนเรือจนสุด เพื่อเหยียดเอื้อมมือไปคว้าแถบธง จากปาก
กระบอกธงบนเรือตัดสิน เพื่อตัดสินผลแพ้ชนะ
การชิงธง
ผู้จับธงต้องเป็นนายหัวเรือแต่เพียงผู้เดียว หากฝีพายอื่นเป็นผู้จับธงจะปรับเป็นแพ้ในการแข่งขันในเที่ยวนั้น เว้นแต่นายหัวเรือพลัดหลุดตกไปจากเรือก่อนจะถึงเส้นชัย ให้รองนายหัวจับธงแทนนายหัวได้
- - นายหัวเรือ หรือรองนายหัวเรือ ต้องจับธงด้วยมือ และจะกระโดดคว้าจับธงก็ไม่ได้
- - นายหัวเรือ หรือรองนายหัวเรือ ที่จับแถบธงได้แล้วตัวต้องติดอยู่กับตัวเรือด้วยถึงจะเป็นฝ่ายชนะ ถ้าหากจับธงได้แต่พลัดตกไปจากลำเรือก่อนที่โขนท้ายเรือจะพ้นกระบอกธงที่ใส่เส้นหวาย จะถูกปรับเป็นแพ้ในเที่ยวนั้น เว้นแต่เหตุสุดวิสัยเรือล่มทั้งลำ โดยที่นายหัวหรือรองนายหัวมิได้พลัดตกน้ำไปโดยลำพัง ก็ถือว่าเป็นเรือชนะ
เรือชนะ
หมายถึง เรือที่จับแถบธงโดยได้เส้นหวายไปทั้งเส้น หรือด้วยเหตุที่เรือคู่แข่งขันทำผิดกติกา
เรือเสมอ
หมายถึง เรือที่จับแถบธงโดยได้เส้นหวายไปท่อนเดียว (ครึ่งเดียว)
เรือแพ้
หมายถึง เรือที่ไม่ได้ธง หรือเรือที่ทำผิดกติกา
การนับคะแนน
เรือชนะ ได้ ๒ คะแนน, เรือเสมอ ได้ ๑ คะแนน, เรือแพ้ได้ ๐ คะแนน
ธง
ที่ใช้สำหรับการแข่งขันเรือยาวของหลังสวน ทำจากผ้าสีแดง ตัดเป็นสามเหลี่ยมมุมฉาก มีความยาว ๑๔ นิ้ว ความสูง ๗ นิ้ว ใช้ผ้าธงด้านสูงพันทับที่ส่วนปลายของเส้นหวาย และใช้ด้ายเย็บผ้าธงยึดติดกับเส้นหวาย โดยเย็บตลอดแนวผ้าให้แน่นหนาแข็งแรง ดึงแล้วผ้าจะไม่หลุดหรือขาดออกจากเส้นหวาย
หวาย
ที่ใช้ทำธงเรือ จะต้องเป็นหวายชุมพรเท่านั้น เพราะหวายชุมพร มีโคนต้นและปลายโตเท่ากันตลอดเส้น หวายทุกต้นจะมีขนาดใกล้เคียงกันทั้งหมด ตัดโคนหวายและดึงให้หวายทั้งต้นหลุดลงมาจากพุ่มไม้ใหญ่ ที่หวายเกาะเกี่ยวพันอยู่ แกะกาบและใบของหวายออกให้หมดจะเหลือลำหวายที่มีความยาว และก่อไฟ ลนหวายให้ทั่วทั้งเส้น วิธีการนี้สามารถเก็บหวายไว้ใช้ได้นาน อาจจะเก็บไว้ใช้ในปีต่อไป ตัดหวายให้มีความยาว ๔ เมตร ด้านหนึ่งผูกธงสีแดงดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ปลายอีกด้านหนึ่งแต่งลำหวายให้เป็นปม เพื่อใช้สำหรับผูกธงสองเส้นให้ต่อกัน
กระบอกธง
ในอดีตใช้ไม้ไผ่ตงทะลวงข้อ แต่อาจจะมีปัญหาเวลานายหัวเรือดึงธงพร้อมกัน กระบอกอาจจะแตกได้ ต่อมามีท่อน้ำโลหะจึงใช้ท่อน้ำขนาด ๒ นิ้ว ยาว ๖ เมตร เปิดช่องกลางกระบอกธงมีความยาว ๔๐ เซนติเมตร สำหรับสอดแถบธงและเส้นหวายลงในกระบอกธง ตรึงกระบอกธงให้แน่นบนเรือตัดสินใจให้ปลายธงสูงจากระดับพื้นน้ำ ประมาณ ๒.๕๐ เมตร เส้นหวายพ้นปากกระบอกธงด้านละ ๑ เมตร
การต่อธง
ให้สอดธงทั้งสองด้านในกระบอกธง ใช้ด้ายตราสมอ ตามขนาดที่ผู้แทนเรือกำหนด ผูกเงื่อนตะกรุดเบ็ดที่ปมหวายด้านหนึ่ง แล้วรวบปลายด้ายทั้งสองเส้นผูกตะกรุดเบ็ดกับปมหวายอีกเส้นหนึ่ง โดยให้เส้นหวายทั้งสองข้างชนกันและแนบสนิทที่สุด ตลอดเวลาที่ต่อธงในเรือตัดสินจะต้องมีผู้แทนเรือของคู่เรือที่กำลังจะแข่งขันดูเป็นสักขีพยาน พร้อมกับลงลายมือชื่อรับรองในความสมบูรณ์ถูกต้องของการต่อธง เมื่อต่อธงด้วยเงื่อนตะกรุดเบ็ดเสร็จแล้ว จะใช้แผ่นเทปพลาสติกที่ใช้พันสายไฟฟ้ามาพันทับรอยต่อธงอีกครั้ง ก่อนจะวางหวายลงในกระบอกธง ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและตรงกึ่งกลางมากที่สุด
เรือที่เข้าแข่งขันเมื่อดึงธงไปแล้ว จะต้องนำธงมาคืนที่เรือตัดสิน กรรมการผู้ต่อธงจะต้องตรวจดูความสมบูรณ์ของธงและเส้นหวาย ว่าหวายหักชำรุดหรือไม่ ถ้าหวายหักหรือมีตำหนิก็จะใช้แผ่นเทปพลาสติกพันให้เรียบร้อยและต้องตัดแผ่นเทปพลาสติกพร้อมด้ายที่ต่อไว้ก่อนออกทิ้งทันที เพื่อเตรียมพร้อมจะใช้งานในการแข่งขันคู่ต่อไป
ฉะนั้น ในการแข่งขันเรือแต่ละประเภท ต้องเตรียมธงไม่น้อยกว่า ๒ คู่ และต้องมีธงสำรองเตรียมไว้อีกด้วย สำหรับเรือที่มีสิทธินำธงและหวายแขวนไว้ที่หัวเรือ ก็คือ เรือลำที่ชนะได้ที่ ๑ และลำที่ได้ที่ ๓ เท่านั้น เรือเหล่านี้จะเก็บธงไว้เป็นระลึก แสดงถึงความยิ่งใหญ่ในการแข่งขันของปีนั้นๆ
หน้าที่หลักของกรรมการตัดสินเรือแข่ง นอกจากความชำนาญในการต่อธงแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องมีความบริสุทธิ์เที่ยงธรรม และชื่อเสียงเกียรติภูมิ อันเป็นที่ยอมรับของชาวเรือทุกๆทีม และฝีพายทุกๆคน